หลังจากที่การเมืองไม่ชัดเจนมานาน วันนี้รายชื่อรัฐบาลใหม่ปรากฏแล้ว แต่ความกังวลของประชาชนยังไม่หายไปไหน เพราะสะท้อนได้จาก ความเชื่อมั่นของคนไทยในเดือนสิงหาคม ที่ตกลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี (32 เดือน) เพราะคนส่วนใหญ่ยังเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าและไม่แน่ใจกับสถานการณ์การเมือง
การเข้ามาของ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมทีมงานเศรษฐกิจ จากรัฐมนตรีคนนอก สายเทคโนแครต (ผู้มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง) จึงกลายเป็นความท้าทายใหญ่ที่รออยู่ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น ที่จะพิสูจน์ตัวเอง และต้องรีบจัดการกับ 4 ปัญหาสำคัญที่คอยฉุดรั้งประเทศมาโดยตลอด
เปิด 4 ภารกิจเร่งด่วน “รัฐบาลอนุทิน”
ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจและชีวิตคนไทยเดินหน้าช้าลงเรื่อยๆ
- เรื่องเศรษฐกิจ: ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ต้องเจอกับ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งค่าไฟ ค่าน้ำมัน และข้าวของที่แพงขึ้น ขณะเดียวกันคนก็ มีหนี้เยอะ ทำให้เงินที่หามาได้ต้องเอาไปใช้หนี้จนแทบไม่เหลือสำหรับใช้จ่ายอย่างอื่น นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยมีแรงเดินหน้า
- เรื่องความมั่นคง: ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้ การค้าขายไม่สะดวก และยังส่งผลต่อความมั่นใจของคนทำธุรกิจในพื้นที่ การสร้างความสงบจึงไม่ได้แค่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นกลับมาเติบโตได้
- เรื่องภัยธรรมชาติ: เราเจอทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมบ่อยขึ้น ทำให้ เกษตรกรและคนทำมาหากินเสียหายอย่างหนัก ผลผลิตลดลง รายได้หายไป และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทุกส่วนของเศรษฐกิจ การสร้างระบบเตือนภัยและช่วยเหลือที่รวดเร็วจึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบทำ
- เรื่องภัยสังคม: ปัญหาอย่าง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด และการพนันออนไลน์ ทำให้ประชาชนไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นี่ทำให้คนไม่มั่นใจที่จะใช้ชีวิตหรือทำธุรกิจ ทำให้สังคมโดยรวมขาดความเข้มแข็ง
นอกจากภารกิจเหล่านี้ สิ่งที่สร้างความหวังให้กับหลายคนคือการที่รัฐบาลบอกว่าจะนำ โครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาอีกครั้ง โดยอาจใช้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ตั้งใจไว้สำหรับโครงการ Digital Wallet เดิม เพื่อช่วยกระตุ้นให้คนกลับมาใช้จ่ายและช่วยพยุงร้านค้าเล็กๆ ให้เดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้ แม้ความเชื่อมั่นของคนจะลดลง แต่การที่การเมืองชัดเจนขึ้นก็อาจช่วยให้รัฐบาลใหม่สามารถเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เร็วขึ้น? ตามบทวิเคราะห์ล่าสุดจาก วิจัยกรุงศรี เราคงต้องจับตาดูว่าใน 4 เดือนที่เหลือ รัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้และเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนมาได้จริงหรือไม่.
