เลขานายกฯ แจง เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติห้ามจัดกิจกรรมรื่นเริงในช่วงเทศกาลลอยกระทงและงานเฉลิมฉลองรับปีใหม่ 2567 ว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยยืนยันว่า ครม. ไม่ได้มีมติดังกล่าว และตนได้สอบถามจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็ไม่พบว่ามีมติในลักษณะดังกล่าวออกมาแต่อย่างใด ดังนั้น การจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงงานลอยกระทงและงานปีใหม่ยังคงสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เพียงแต่ขอให้มีการปรับรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์และบรรยากาศการไว้อาลัยที่ยังมีอยู่ในช่วงนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อการจากไปของผู้สูญเสีย และเพื่อให้ทุกกิจกรรมเป็นไปอย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์ในสังคมไทย
ประเด็นสำคัญจาก: เลขานายกฯ แจง ครม.ไม่ห้ามจัดกิจกรรมรื่นเริง ขอเพียงปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับบรรยากาศการไว้อาลัย
ประเด็นสำคัญที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงนั้น คือการแก้ไขความเข้าใจผิดที่แพร่หลายในสังคมเกี่ยวกับมติของ ครม. ที่คาดว่าจะสั่งห้ามการจัดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญปลายปีอย่างลอยกระทงและปีใหม่ การระบุว่าไม่มีมติในลักษณะดังกล่าวจาก ครม. เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าภาครัฐไม่ได้มีเจตนาที่จะจำกัดเสรีภาพในการจัดกิจกรรมของประชาชนหรือภาคเอกชน แต่กลับเสนอแนวทางในการปรับรูปแบบของการจัดงานให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเน้นไปที่การแสดงออกถึงความเคารพและความไว้อาลัย
การชี้แจงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการสื่อสารที่ถูกต้องกับสาธารณชน เพื่อป้องกันความสับสนและการตีความที่คลาดเคลื่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีได้ การยืนยันว่ากิจกรรมต่างๆ ยังคงสามารถจัดได้ตามปกติ แต่มีคำแนะนำให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้เข้ากับบริบทของสังคม เป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจในความรู้สึกของประชาชน และเป็นการส่งเสริมให้เกิดความสมดุลระหว่างการดำเนินชีวิตประจำวันกับการแสดงออกทางสังคมที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ประชาชนและผู้จัดงานสามารถวางแผนกิจกรรมได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้สอบถามไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยตรงเพื่อยืนยันข้อมูล แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในการให้ข้อมูลต่อสาธารณะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่นำเสนอไปนั้นถูกต้องและเป็นทางการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับภาครัฐ และช่วยลดความตื่นตระหนกหรือความไม่สบายใจที่อาจเกิดขึ้นจากการรับรู้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและกิจกรรมทางสังคมของประชาชน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงแนวคิดของการ “ปรับรูปแบบ” มากกว่า “การห้าม” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการชี้แจงครั้งนี้ การปรับรูปแบบกิจกรรมรื่นเริง ไม่ได้หมายถึงการยกเลิกทั้งหมด แต่เป็นการแนะนำให้พิจารณาเนื้อหา วิธีการ และความหนักเบาของกิจกรรม ให้สอดคล้องกับความรู้สึกร่วมของคนในสังคม ตัวอย่างของการปรับรูปแบบอาจรวมถึงการลดความรื่นเริงที่มากเกินไป เพิ่มองค์ประกอบที่แสดงความเคารพหรือความเรียบง่าย หรืออาจเป็นการจัดกิจกรรมที่เน้นส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม โดยยังคงรักษาเจตนารมณ์ดั้งเดิมของเทศกาลไว้
คำแนะนำนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่สังคมไทยมีความละเอียดอ่อนต่อสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งการแสดงออกทางวัฒนธรรมและประเพณีควรเป็นไปอย่างพอดีและเหมาะสม การคำนึงถึงบรรยากาศโดยรวมของประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้จัดงานควรนำไปพิจารณาก่อนการดำเนินกิจกรรม เพื่อให้กิจกรรมที่จัดขึ้นไม่ขัดต่อความรู้สึกของสาธารณชนและสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของการจัดงานที่คำนึงถึงบริบททางสังคมอย่างมีเหตุผลและไม่ละทิ้งความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม
การชี้แจงของนายสมศักดิ์ยังช่วยให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป มีแนวทางที่ชัดเจนในการวางแผนการจัดงานในช่วงปลายปี โดยที่ยังคงสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องใช้ดุลยพินิจในการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในทุกช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การให้แนวทางที่ยืดหยุ่นเช่นนี้จะช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เหมาะสม เป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในยามที่ต้องมีการแสดงความไว้อาลัย สังคมก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความเข้าใจและการปรับตัวอย่างมีสติ
สรุปข่าวทั้งหมด
สรุปได้ว่า กระแสข่าวเรื่องการห้ามจัดกิจกรรมรื่นเริงในช่วงเทศกาลลอยกระทงและปีใหม่นั้นไม่เป็นความจริง โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้มีมติในลักษณะดังกล่าว การจัดกิจกรรมต่างๆ ยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ เพียงแต่มีคำแนะนำให้ผู้จัดงานและประชาชนทั่วไป “ปรับรูปแบบ” ของกิจกรรมให้มีความเหมาะสมกับบรรยากาศการไว้อาลัยที่ยังคงมีอยู่ในสังคม คำแนะนำนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เคารพต่อความรู้สึกของสาธารณชน และยังคงรักษาการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมไว้ได้ การชี้แจงดังกล่าวช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการวางแผนจัดงานช่วงปลายปี โดยเน้นย้ำถึงการปรับตัวอย่างมีเหตุผลเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีร่วมกันในทุกภาคส่วนของสังคม
