ปาฐกถาอนุทิน ได้รับการถ่ายทอดโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล บนเวทีการประชุมนักธุรกิจเอเปค ซึ่งได้ยกเทคโนโลยีเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับความสามารถในการพัฒนาและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย การประชุมนี้จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติ ซึ่งมีผู้นำธุรกิจและองค์กรชั้นนำจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม ผลการปาฐกถานี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแค่ในประเทศแต่ยังมีผลกระทบไปทั่วภูมิภาค
ประเด็นสำคัญจาก: ถอดรหัสปาฐกถา’อนุทิน’บนเวทีนักธุรกิจเอเปคชูเทคโนโลยียกระดับ-ปลดล็อกพัฒนาไทย
ในปาฐกถาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีการกล่าวถึงการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคสังคม โดยเฉพาะในบริบทของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเทคโนโลยีสามารถเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับไทย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับภูมิภาคและระดับโลก นายอนุทินเน้นว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมที่เหมาะสมจะส่งผลทุกฝ่ายมีโอกาสเท่าเทียมกันในการเข้าถึงทรัพยากรและข้อมูล
ที่สำคัญในเวทีนี้ยังมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้นำทางอุตสาหกรรมและผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชนต่างๆ เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น การส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การสนับสนุนผู้ประกอบการในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล และการสร้างพันธมิตรระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่วนในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายอนุทินได้ชี้ให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาชุมชนเมืองและชนบท โดยมีเป้าหมายในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ทุกคนในประเทศ ความพยายามนี้ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังมุ่งสู่การเป็นประเทศที่ประหยัดอัจฉริยะที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
เพื่อสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ที่กล่าวมา รัฐบาลได้จัดทำแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยมีการปักหมุดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เข้าถึงได้ง่ายและประหยัดลง นายอนุทินระบุถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และบิ๊กดาต้าในภาคการเกษตร การแพทย์ และอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการข้อมูล
ยิ่งไปกว่านั้น นายอนุทินยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถปรับตัวและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาความรู้ความสามารถฝึกฝนทักษะใหม่ให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่พึ่งพานวัตกรรมอย่างยั่งยืน การให้ทุนและสิ่งจูงใจต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว
สรุปข่าวทั้งหมด
จากคำกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล บนเวทีการประชุมเอเปคมีความชัดเจนว่าการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในทุกๆ ด้านเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถยกระดับเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ในช่วงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไทยมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้การที่ไทยสามารถปลดล็อคศักยภาพทางเศรษฐกิจและเข้าสู่ยุคดิจิทัลโดยสมบูรณ์ได้นั้น ยังขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเต็มที่ในอนาคต
