อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและรองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงประเด็นการยุบสภาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญในงานสังสรรค์พรรคเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำถึงอำนาจในการยุบสภาที่อยู่ในมือของนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งระบุว่าตนเองไม่เลือกข้าง ไม่สร้างความขัดแย้ง และยึดมั่นในการทำงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก และได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้ดำเนินการมาแล้ว 4 วาระ หากไม่สามารถไปต่อได้ อาจถึงเวลาที่ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจผ่านการเลือกตั้งใหม่ การแสดงออกดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนถึงมุมมองของพรรคภูมิใจไทยต่อทิศทางของประเทศในอนาคต
ประเด็นสำคัญจาก: “อนุทิน” ลั่นมีอำนาจยุบสภา ตนอยากหนีก็หนี อยากอยู่ก็อยู่ ยันแก้ รธน.นับถึงสี่แล้ว ถ้าไปไม่ไหวก็คืนอำนาจให้ประชาชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กล่าวในระหว่างงานสังสรรค์พรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่าพรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันจุดยืนชัดเจน ไม่เลือกข้าง และไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งทางการเมือง โดยย้ำว่า พรรคมีหน้าที่มาทำงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชน และจะไม่ขัดแย้งกับใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคได้ปฎิบัติมาโดยตลอด เขาย้ำว่าในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ นายอนุทินยังได้เน้นย้ำถึงอำนาจในการยุบสภา ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจ โดยเขาได้กล่าววลีที่สะท้อนถึงอำนาจดังกล่าวว่า “ถ้าวันไหนนายกฯ อยากยุบสภา เขาถามผม ผมก็ต้องถามคุณอีกที ถ้าวันไหนนายกฯ บอกว่าจะยุบ ผมก็ต้องหนี” แต่ก็กล่าวเสริมว่า “ถ้าใครจะอยู่ก็อยู่” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพรรคในการรับมือกับทุกสถานการณ์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมบริหารประเทศต่อไป หรือการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ หากสถานการณ์เรียกร้อง โดยการกล่าวเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยเข้าใจในหลักการและกลไกประชาธิปไตย
ประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นายอนุทินได้กล่าวถึง โดยระบุว่าการแก้ไขได้ดำเนินการมาแล้วถึงสี่วาระ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายสูงสุดของประเทศให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด และเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างความเป็นธรรมและความโปร่งใสในระบอบการเมืองไทย อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการแก้ไขดังกล่าวไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หรือไม่ได้รับความเห็นชอบตามขั้นตอนที่กำหนด เขาระบุว่า “ถ้าไปต่อไม่ไหว ทางออกก็คือ คืนอำนาจให้กับประชาชน” ซึ่งหมายถึงการกลับไปสู่การเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของประเทศ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การแสดงจุดยืนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยวกับการไม่สร้างความขัดแย้งและการทำงานเพื่อประชาชนนั้น สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินงานของพรรคภูมิใจไทยที่ต้องการมุ่งเน้นการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ มากกว่าการเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลและประเทศโดยรวม การเลือกที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของพรรคที่เน้นการปฏิบัติมากกว่าการสร้างวาทกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยได้แสดงออกให้เห็นมาโดยตลอดในการเข้าร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบันและชุดที่ผ่านมา
สำหรับประเด็นเรื่องอำนาจในการยุบสภา ซึ่งเป็นอำนาจเฉพาะของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าการตัดสินใจสำคัญทางการเมืองอยู่ที่การพิจารณาของผู้บริหารสูงสุดของประเทศ การที่นายอนุทินกล่าวย้ำถึงบทบาทของนายกรัฐมนตรีในประเด็นนี้ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในโครงสร้างอำนาจตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะปรับตัวตามการตัดสินใจเหล่านั้น ไม่ว่าจะนำไปสู่การทำงานต่อหรือการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ การแสดงท่าทีดังกล่าวจึงเป็นการสื่อสารไปยังสาธารณะว่าพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมและยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของพรรคการเมืองที่จะสามารถดำรงอยู่ในสนามการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการระบุว่าได้ดำเนินการมาแล้วถึง 4 วาระนั้น แสดงให้เห็นถึงความพยายามและเจตนาของพรรคในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับการรวบรวมเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย การที่นายอนุทินกล่าวถึงการคืนอำนาจให้ประชาชนหากไปต่อไม่ได้นั้น จึงเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญว่าพรรคภูมิใจไทยมองเห็นว่าการเลือกตั้งใหม่เป็นทางออกสุดท้ายหากกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถบรรลุผลได้ การเลือกตั้งใหม่จะเป็นกลไกที่ทำให้ประชาชนได้แสดงเจตจำนงของตนเองอีกครั้ง และเป็นไปตามหลักการของประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
สรุปข่าวทั้งหมด
ถ้อยแถลงของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้สะท้อนถึงจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคในการมุ่งเน้นการทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน โดยเน้นย้ำถึงการไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง ท่ามกลางกระแสการเมืองที่ไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงอำนาจในการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีว่าพรรคพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมบริหารต่อไปหรือการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้ดำเนินการมาถึง 4 วาระแล้วนั้น หากไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นายอนุทินมองว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจผ่านการเลือกตั้งใหม่คือทางออกที่ดีที่สุด การแถลงการณ์ครั้งนี้จึงเป็นภาพสะท้อนถึงความเข้าใจในกลไกประชาธิปไตยและความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยในการนำพาประเทศไปข้างหน้า ทั้งในบทบาทของพรรคร่วมรัฐบาลและการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

