
รมว.เกษตรฯ หรือ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดเผยถึงมาตรการสำคัญเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยระบุว่าโครงการเก็บรักษาข้าวจะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายน ศกนี้ โดยจะเริ่มเป็นโครงการนำร่องที่จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นแห่งแรก ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดข้าวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักส่งผลให้ราคาข้าวลดลง มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยพยุงราคาข้าวและสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวในพื้นที่นำร่องและอาจจะขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศในอนาคต
ประเด็นสำคัญจาก: รมว.เกษตรฯ ชี้ 1 พ.ย.เริ่มโครงการเก็บรักษาข้าว นำร่องที่ร้อยเอ็ด
โครงการเก็บรักษาข้าวที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมดำเนินการนี้ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาปากท้องของเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ปลูกข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ จุดประสงค์ของการเริ่มต้นโครงการในวันที่ 1 พฤศจิกายน คือการรับช่วงเวลาที่ผลผลิตข้าวนาปีเริ่มออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ช่วงเวลานี้มักเป็นช่วงที่ราคาข้าวมีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีปริมาณข้าวในตลาดสูงเกินความต้องการ โครงการนี้จึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นกลไกในการดูดซับผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดชั่วคราว เพื่อลดแรงกดดันต่อราคาข้าว และทำให้เกษตรกรสามารถขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรมมากขึ้น
การเลือกจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นสถานที่นำร่อง สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการเริ่มทดลองโครงการในพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านการผลิตข้าว และมีปัญหาเรื่องราคาข้าวตกต่ำบ่อยครั้ง การนำร่องที่ร้อยเอ็ดจะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถประเมินผลกระทบ ประสิทธิภาพ และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานจริง เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนารูปแบบของโครงการให้สมบูรณ์ ก่อนที่จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ หากโครงการนำร่องประสบความสำเร็จ จะเป็นต้นแบบที่สำคัญในการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมของไทยในระยะยาว
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
มาตรการเก็บรักษาข้าวจะดำเนินการโดยการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรและเก็บไว้ในยุ้งฉางกลาง หรือคลังสินค้าที่กำหนด โดยมีกลไกการรับประกันราคาหรือมาตรการเสริมอื่นๆ ที่จะช่วยให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล แม้ว่าในตอนเริ่มต้นจะเน้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด แต่กระทรวงเกษตรฯ ได้วางแผนที่จะขยายขอบเขตของโครงการนี้ไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่ประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน หากผลการนำร่องที่ร้อยเอ็ดเป็นไปในทิศทางที่ดี การดำเนินการในลักษณะนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ และเป็นการบริหารจัดการสินค้าเกษตรเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงที่เกษตรกรจะต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาตลาดโลกและภาวะอุปทานล้นตลาด
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังอาจเชื่อมโยงกับการส่งเสริมการแปรรูปข้าว หรือการหาตลาดใหม่ๆ สำหรับข้าวที่เก็บรักษาไว้ เพื่อเพิ่มมูลค่าและช่องทางการจำหน่ายในอนาคต การดำเนินการนี้ต้องอาศัยการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมถึงภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าวและยุ้งฉาง โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานข้าวที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมกับเกษตรกรมากที่สุด เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
สรุปข่าวทั้งหมด
จากนโยบายของ รมว.เกษตรฯ ที่เตรียมเริ่มโครงการเก็บรักษาข้าวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยมีจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นพื้นที่นำร่อง ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญในการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำและสร้างเสถียรภาพให้กับเกษตรกร โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อบริหารจัดการปริมาณข้าวในตลาดช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ลดภาวะอุปทานล้นตลาด และพยุงราคาข้าวให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม การนำร่องที่ร้อยเอ็ดจะช่วยให้ภาครัฐสามารถประเมินและปรับปรุงกลไกของโครงการก่อนขยายผลไปยังทั่วประเทศ หากประสบความสำเร็จ คาดว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคเกษตรกรรมไทยในระยะยาว ซึ่งต้องจับตาดูผลการดำเนินงานในระยะแรกอย่างใกล้ชิด

