
กกร. หรือคณะกรรมการกำกับดูแลและควบคุมร่วมของภาคธุรกิจประเทศ ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายที่มีผลกระทบต่อแรงงาน คุณภาพอากาศ และการดำเนินงานของโรงงานในประเทศ โดยยืนยันว่านโยบายดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและการแข่งขันในตลาดโลก การแถลงการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีการย้ำว่าการออกกฎหมายควรเป็นไปอย่างรอบคอบและคำนึงถึงผลกระทบต่อทุกภาคส่วน
ประเด็นสำคัญจาก: กกร.แถลงจุดยืนค้านร่างกฎหมาย “แรงงาน-อากาศ-โรงงาน” บั่นทอนความเชื่อมั่น
ในแถลงการณ์ของ กกร.ได้ระบุว่ามีร่างกฎหมายใหม่ที่มุ่งเน้นควบคุมแรงงาน สภาพอากาศ และโรงงานอุตสาหกรรมที่กำลังจะออกมา ซึ่งร่างกฎหมายเหล่านี้อาจทำให้เกิดการบีบคั้นต่อการดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมและการผลิตในประเทศ ทั้งนี้ กกร.ยังย้ำถึงความกังวลว่าการเข้มงวดเกินไปกับการกำกับดูแลอาจทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปฏิบัติตามกฎหมาย และส่งผลให้ขาดแรงจูงใจในการลงทุนใหม่ๆ
นอกจากนี้ กกร.ยังระบุว่าร่างกฎหมายดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ผู้ประกอบการและส่งผลให้เกิดการลดลงของการจ้างงาน จากการที่ธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มขึ้น
ด้วยเหตุนี้ กกร.จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างรอบคอบ เพื่อปกป้องความเชื่อมั่นของธุรกิจและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
จากรายละเอียดเพิ่มเติมที่มีการเปิดเผย กกร.ได้ยกตัวอย่างข้อเสนอจากร่างกฎหมายนี้ เช่น การกำหนดมาตรฐานการปล่อยก๊าซและสารเคมีที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายในการปรับปรุงคุณภาพอากาศในประเทศ แต่กลับถูกมองว่าอาจเป็นอุปสรรคต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบซึ่งสามารถทำให้ปล่อยมลพิษตามมาตรฐานเดิมอยู่แล้ว
อีกทั้งยังมีการพูดถึงการคุมเข้มวิธีการจ้างงานใหม่ที่อาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการฝึกอบรมแรงงาน ส่งผลให้ธุรกิจต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในการดูแลและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ซึ่งทั้งหมดนี้ กกร.เน้นย้ำว่าความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับรัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็นในการหาทางแก้ไขและสร้างกฎหมายที่สมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปข่าวทั้งหมด
จากสถานการณ์ล่าสุด กกร.ได้แสดงจุดยืนคัดค้านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน คุณภาพอากาศ และโรงงานอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่าการออกกฎหมายควรดำเนินการอย่างถี่ถ้วนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจต่างคาดหวังว่ารัฐบาลจะรับฟังข้อกังวลเหล่านี้และปรับปรุงร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับความต้องการของประเด็นสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่ยังคงพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

