Image default
ข่าวเศรษฐกิจ

“พิพัฒน์” จ่อเสนอ ครม.พิจารณาแนวทาง “รถไฟฟ้าแดง-ม่วง” เหมาจ่ายทั้งวัน 40 บ.

ภาพประกอบข่าว:
เครดิตภาพ: Thai PBS

“พิพัฒน์” รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงแนวโน้มการนำเสนอแนวทางเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงในอัตราเหมาจ่ายทั้งวัน 40 บาทต่อระบบ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้ โดยแผนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการที่รถไฟฟ้าทั้งสองสายยังไม่สามารถเก็บค่าโดยสารได้ครบวงจร ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งการบริหารจัดการและประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ การกำหนดอัตราค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายจะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และลดภาระค่าครองชีพในระยะยาว นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังได้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานานครและปริมณฑล การนำเสนอครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการขยายบริการสาธารณะให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

ประเด็นสำคัญจาก: “พิพัฒน์” จ่อเสนอ ครม.พิจารณาแนวทาง “รถไฟฟ้าแดง-ม่วง” เหมาจ่ายทั้งวัน 40 บ.

ประเด็นหลักที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ต้องการผลักดันคือการกำหนดค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายสำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง โดยแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาการเก็บค่าโดยสารที่ไม่ครบวงจรซึ่งเป็นมาอย่างต่อเนื่อง การที่ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าแรกเข้าหลายครั้งเมื่อเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าหรือเปลี่ยนระบบ ส่งผลให้ต้นทุนการเดินทางสูงขึ้นและไม่จูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเท่าที่ควร ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยังคงเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งมักจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าในมุมมองของพวกเขา โดยเฉพาะเมื่อเดินทางเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเล็กๆ

การเสนออัตราค่าโดยสารเหมาจ่าย 40 บาทต่อวันต่อระบบ จะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในระยะใกล้หรือไกลภายในระบบ ผู้โดยสารสามารถขึ้นลงสถานีได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดทั้งวัน โดยมีค่าใช้จ่ายคงที่ ทำให้การเดินทางมีความยืดหยุ่นและคาดการณ์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนละทิ้งรถยนต์ส่วนตัวและหันมาใช้รถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด มลภาวะทางอากาศ และการใช้พลังงานฟอสซิล ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในระยะยาวของประเทศ.

คาดว่าการนำเสนอแนวทางนี้จะช่วยให้รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาที่ค้างคามานานและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะการเข้าถึงการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและราคาที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูงอย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล การตัดสินใจในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการคมนาคมขนส่งในระยะยาว และจะเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่สังคมที่ยั่งยืนต่อไป.

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

หากข้อเสนอค่าโดยสารเหมาจ่าย 40 บาทต่อระบบผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จะเป็นนโยบายที่ส่งผลดีต่อประชาชนโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานหรือนักเรียนนักศึกษาที่เดินทางเป็นประจำ การประเมินเบื้องต้นจากข้อมูลการเดินทางปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า ผู้โดยสารจำนวนมากที่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงกว่า 40 บาทต่อวัน จะได้รับประโยชน์จากการลดค่าใช้จ่ายนี้อย่างชัดเจน โดยที่ผู้ใช้บริการมีโอกาสที่จะเดินทางได้มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะกระตุ้นให้มีการใช้รถไฟฟ้าถี่ขึ้นและส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในระยะยาว

นอกจากนี้ แนวคิดการกำหนดค่าโดยสารรูปแบบนี้ยังต้องพิจารณาถึงผลกระทบในด้านการเงินของหน่วยงานที่รับผิดชอบระบบรถไฟฟ้า ทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้ให้บริการสายสีม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชดเชยรายได้ที่อาจจะลดลงจากการเก็บค่าโดยสารที่ต่ำกว่าต้นทุนจริง รัฐบาลจะต้องมีกลไกในการสนับสนุนหรือชดเชยงบประมาณที่เพียงพอ เพื่อให้การดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงานยังคงมีเสถียรภาพและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพบริการที่ประชาชนจะได้รับในอนาคต

สรุปข่าวทั้งหมด

การที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแนวคิดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงแบบเหมาจ่ายทั้งวัน 40 บาทต่อระบบ ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการลดภาระค่าครองชีพและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะของประชาชน นโยบายนี้หากได้รับการอนุมัติ จะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางได้สะดวกและประหยัดยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการและลดปัญหาการจราจรในเขตเมือง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องพิจารณาถึงความยั่งยืนทางการเงินของหน่วยงานผู้ให้บริการ และเตรียมมาตรการชดเชยที่เหมาะสม เพื่อให้โครงการนี้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในระยะยาว ซึ่งจะมีการติดตามและประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิดต่อไปหลังจากข้อเสนอได้รับการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี.

Related posts

คุยกับ 3 แม่ทัพ ‘มินิโซ’ เคลื่อนค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์จีนขึ้นเบอร์ 1 ในไทย

hkwin

ทรู ตรวจศูนย์เครือข่ายฯ เสริมความพร้อมสัญญาณมือถือ รับมือน้ำท่วมสูงขึ้นทั่วไทย

hkwin

พิพัฒน์ เล็งยกเลิก รถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ

hkwin

Leave a Comment