Image default
ข่าวการเมือง

“ทบ.” ร่วมประชุม กอ.รมน. พร้อมขับเคลื่อนภารกิจ 4 แผนความมั่นคงชายแดนใต้

ภาพประกอบข่าว: “ทบ.” ร่วมประชุม กอ.รมน. พร้อมขับเคลื่อนภารกิจ 4 แผนความมั่นคงชายแดนใต้
เครดิตภาพ: MGROnline

ทบ. — พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ครั้งที่ 3/2567 โดยมี พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็นประธานการประชุม การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 101 กอ.รมน. ส่วนกลาง สวนรื่นฤดี กรุงเทพมหานคร การเข้าร่วมประชุมของ ผบ.ทบ. ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของบทบาทกองทัพบกในการสนับสนุนงานด้านความมั่นคง ซึ่งรวมถึงการขับเคลื่อนภารกิจภายใต้แผนงานและนโยบายที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องมีการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ประเด็นสำคัญจาก: “ทบ.” ร่วมประชุม กอ.รมน. พร้อมขับเคลื่อนภารกิจ 4 แผนความมั่นคงชายแดนใต้

ประเด็นหลักของการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ครั้งที่ 3/2567 ที่ พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เข้าร่วมนั้น มุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2566 – 2570 ซึ่งครอบคลุมยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ แผนที่ 1 การแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านยาเสพติด, แผนที่ 2 การแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, แผนที่ 3 การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ และแผนที่ 4 การสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการอำนวยความเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่มีความซับซ้อนและเร่งด่วน

ในที่ประชุม พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของกองทัพบกและ กอ.รมน. ในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เหล่านี้ไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการแผนงานให้สอดคล้องกันทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องยังเป็นกลไกสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาแผนงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

การขับเคลื่อนภารกิจตามแผนรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2566 – 2570 โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น กอ.รมน. และกองทัพบกได้ให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงรุกและบูรณาการ โดยมีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของแต่ละแผน ซึ่งแผนที่ 2 ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีมิติที่หลากหลาย ประกอบด้วยการป้องกันและปราบปรามกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการอำนวยความเป็นธรรม การดำเนินการเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่การใช้กำลังทหาร แต่เป็นการผสานงานกับหน่วยงานพลเรือน ตำรวจ และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อลงไปทำความเข้าใจกับปัญหาและความต้องการของประชาชนในระดับหมู่บ้านและตำบล โดยมีเป้าหมายเพื่อลดช่องว่างระหว่างภาครัฐและประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของภาครัฐ

นอกจากนี้ ยังมีการเน้นย้ำถึงการใช้แนวทางสันติวิธีและการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการยุติความรุนแรงและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมอาชีพ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จึงเป็นส่วนสำคัญที่ กอ.รมน. และกองทัพบกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขและมีโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างเท่าเทียมกับภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ นอกจากนี้ การสนับสนุนการศึกษาและการส่งเสริมอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมในพื้นที่ก็เป็นอีกหนึ่งมิติที่ถูกหยิบยกมาพิจารณา เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากภายในและลดปัจจัยที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต

สรุปข่าวทั้งหมด

การประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ครั้งที่ 3/2567 โดยมี พล.อ. เจริญชัย หินเธา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เข้าร่วมนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกองทัพบกและ กอ.รมน. ในการขับเคลื่อนภารกิจด้านความมั่นคงตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องการการบูรณาการจากทุกภาคส่วน การเน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันระหว่างทหาร พลเรือน ตำรวจ และประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสันติสุขและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป การติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและการปรับปรุงแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และรองรับความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Related posts

แชตหลุด! “ไอซ์ รักชนก” สั่งเพื่อน สส.ปชน.ปั่นข่าวถล่ม “ธรรมนัส”

hkwin

“พีระพันธุ์” นั่งหัวหน้าพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ต่อ เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง

hkwin

“อัครา” ดึงเครือข่ายจัดงานสร้างงานสร้างอาชีพคนพิการ จ่อเพิ่มโอกาสเข้าถ

Seopost

Leave a Comment