โสภณ เจียรมงคลพันธ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 โดยมีคีย์แมนสำคัญจาก สสส. เข้าร่วม อาทิ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. และคณะผู้บริหาร การประชุมครั้งนี้นับเป็นการเน้นย้ำถึงทิศทางและนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นด้านสาธารณสุขและการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ สสส. จุดประสงค์ของการเข้าพบครั้งนี้เพื่อรับฟังผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และมอบนโยบายที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาล โดยมีประเด็นสำคัญคือการยืนยันจุดยืนที่ไม่สนับสนุนธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากมองว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพและขัดต่อนโยบายการสร้างสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ประเด็นสำคัญจาก: “โสภณ” มอบนโยบาย สสส. ย้ำรัฐบาลไม่หนุนธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า เดินหน้าสร้างสุขภาวะประชาชน
ในการประชุมติดตามผลการดำเนินงาน สสส. ครั้งนี้ นายโสภณ เจียรมงคลพันธ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการไม่สนับสนุนธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของรัฐบาลในการปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน เหตุผลหลักในการไม่สนับสนุนนั้นมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินที่ทำให้เกิดการเสพติด และสารเคมีอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาวะในระยะยาว การตัดสินใจนี้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของการสาธารณสุขที่มุ่งป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัย
นอกจากนี้ นายโสภณยังได้กล่าวถึงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสุขภาพในมิติต่างๆ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยการสนับสนุนกิจกรรมและโครงการของ สสส. ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของ สสส. ในฐานะองค์กรหลักที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพพลานามัยของคนไทย
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
นายโสภณได้ระบุถึงตัวอย่างนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ อาทิ การส่งเสริมสุขภาพกลุ่มเปราะบาง การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี และการป้องกันปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพต่างๆ นอกเหนือจากเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความครอบคลุมในการทำงานด้านสาธารณสุขของรัฐบาล รัฐบาลมองว่าการสร้างเสริมสุขภาพไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาโรค แต่เป็นการลงทุนในระยะยาวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชาติ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับทุกกลุ่มชน
ทางด้าน สสส. ได้นำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการขับเคลื่อนงานตามแผนที่ได้รับมอบหมาย โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างเสริมสุขภาพ อาทิ โครงการรณรงค์ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการสร้างเสริมสุขภาพ ความโปร่งใสและความรับผิดชอบของ สสส. ในการใช้เงินกองทุนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ก็เป็นอีกประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพื่อให้การดำเนินงานของ สสส. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
สรุปข่าวทั้งหมด
การประชุมระหว่างรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและคณะผู้บริหาร สสส. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนอย่างรอบด้าน โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสาธารณสุขที่ต้องการปกป้องและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพให้แก่พลเมือง นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน คาดการณ์ว่าในระยะต่อไป สสส. จะยังคงเดินหน้าดำเนินงานตามภารกิจหลักอย่างเข้มแข็ง โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างถ้วนหน้า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

