“ร.อ.ธรรมนัส” พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อติดตามและเร่งรัดโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ รวมถึงมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการในพื้นที่ ณ โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่าน โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิเป็นหนึ่งในหลายโครงการที่กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดน่านให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเพาะปลูกตลอดทั้งปี รวมถึงป้องกันความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
ประเด็นสำคัญจาก: “ร.อ.ธรรมนัส” ลงพื้นที่น่าน เร่งรัดก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ หนุนเกษตร-บรรเทาน้ำท่วม
การลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญที่ตอบสนองต่อปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการบริหารจัดการน้ำในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ชนบท จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายในการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูง ทำให้การเก็บกักน้ำและการระบายน้ำเป็นไปอย่างจำกัดในบางพื้นที่ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จึงถูกวางแผนขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหานี้ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอสำหรับพื้นที่เพาะปลูกหลายหมื่นไร่ และยังช่วยลดความรุนแรงของปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซากในช่วงฤดูฝน
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ยังมีการมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ การเร่งรัดการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติในระยะยาว ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานเชิงรุก และการบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสามารถทำได้อย่างครอบคลุมและยั่งยืน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจังหวัดน่าน เนื่องจากแม่น้ำกิเป็นสายน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรและชุมชนหลายแห่ง การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเก็บกักน้ำจากธรรมชาติ ทั้งจากปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนและน้ำที่ไหลจากพื้นที่สูง ทำให้มีแหล่งน้ำสำรองที่มั่นคงสำหรับใช้ในการเกษตรกรรมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งที่มักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง นอกจากประโยชน์ในด้านการเกษตรแล้ว อ่างเก็บน้ำน้ำกิยังช่วยทำหน้าที่เป็นปราการสำคัญในการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม โดยจะสามารถชะลอการไหลของน้ำในกรณีที่มีฝนตกหนัก ช่วยลดปริมาณน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนในเขตลุ่มต่ำ อันจะส่งผลให้ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก
การดำเนินการโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่ใหญ่ขึ้นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงทางน้ำอย่างยั่งยืน การเร่งรัดการก่อสร้างนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของสภาพอากาศ และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังคาดว่าจะสร้างประโยชน์ทางอ้อมอื่นๆ เช่น การสร้างงานในท้องถิ่นระหว่างการก่อสร้าง และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในอนาคต หากได้รับการบริหารจัดการที่ดี ร.อ.ธรรมนัส ยังได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นอย่างสูงสุด
สรุปข่าวทั้งหมด
การลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ณ จังหวัดน่าน เพื่อเร่งรัดโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนและความสำคัญที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้กับการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความต้องการน้ำเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน แต่ยังเป็นมาตรการสำคัญในการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ คาดว่าจะนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาล ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชนในจังหวัดน่าน โดยการมีแหล่งน้ำที่มั่นคงจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร และลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต การติดตามความคืบหน้าของโครงการนี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจับตาดูต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าการก่อสร้างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้และสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง

