สมัชชานครแห่งความสุข ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นอย่างคึกคัก ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ได้เห็นการรวมตัวของภาคประชาชนจำนวน 45 เครือข่าย จากทั่วประเทศที่ได้ยื่นข้อเสนอ 6 ด้านสำคัญต่อร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.บ.) เพื่อให้พิจารณานำไปสู่การปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ประชาชนในท้องถิ่นประสบอยู่ ข้อเสนอเหล่านี้ครอบคลุมประเด็นหลากหลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความต้องการและแนวทางการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติอย่างแท้จริง การประชุมครั้งนี้จึงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนเสียงของประชาชนและเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อสร้างสรรค์ “นครแห่งความสุข” ในแต่ละพื้นที่
ประเด็นสำคัญจาก: สมัชชานครแห่งความสุข ประจำปี 68 คึกคัก ภาคประชาชน 45 เครือข่ายฯ ยื่นข้อเสนอ 6 ด้าน ถึง“ธรรมนัส”ตั้งคณะ กก.ดำเนินการ
งานสมัชชานครแห่งความสุข ประจำปี 2568 ได้รับความสนใจจากภาคประชาชนเป็นอย่างมาก ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วยตัวแทนจากเครือข่ายภาคประชาชนทั้ง 45 เครือข่าย ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ จากภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานและรับมอบข้อเสนอด้วยตนเอง ผู้เข้าร่วมจากภาคประชาชนเหล่านี้ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการเข้ามาร่วมนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ของตน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของประชาชนในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ
ข้อเสนอทั้ง 6 ด้านที่ถูกยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่หลากหลายและครอบคลุมในหลายมิติของสังคมไทย ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจและอาชีพ, ด้านสังคม วัฒนธรรม และสุขภาพ, ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ด้านการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพมนุษย์, ด้านการบริหารจัดการภาครัฐและการเมือง, และด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมของประชาชน ประเด็นเหล่านี้สะท้อนปัญหาและความท้าทายที่ประชาชนในแต่ละภูมิภาคกำลังเผชิญอยู่ รวมถึงแนวทางที่ภาคประชาชนเชื่อว่าจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างความสุขให้กับชุมชนของตนได้ การยื่นข้อเสนอครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ที่จะร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในอนาคต
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะนำข้อเสนอทั้ง 6 ด้านที่ได้รับจากภาคประชาชนไปพิจารณาอย่างจริงจัง และจะเร่งรัดการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ซึ่งมีนายอนุชา นาคาศัย เป็นประธาน เพื่อให้มีกลไกที่เป็นรูปธรรมในการทำงานร่วมกับภาคประชาชนต่อไป การตั้งคณะกรรมการชุดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เสียงของประชาชนไม่เป็นเพียงแค่ข้อเสนอ แต่ยังถูกนำไปสู่การพิจารณา วิเคราะห์ และแปลงเป็นแผนงานหรือนโยบายที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง การดำเนินการในลักษณะนี้จะช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ตอบโจทย์ความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง
การจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการรับฟังข้อคิดเห็นเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างกระบวนการที่มีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมการจะทำหน้าที่ประสานงานระหว่างภาคประชาชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการผลักดันข้อเสนอไปสู่การปฏิบัติในวงกว้าง โดยเฉพาะในระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของแต่ละพื้นที่มากที่สุด ความร่วมมือนี้เป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง “นครแห่งความสุข” ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยอาศัยความเข้าใจร่วมกันและการทำงานอย่างบูรณาการจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในที่สุด
สรุปข่าวทั้งหมด
สมัชชานครแห่งความสุข ประจำปี 2568 ได้เป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐ โดยมีภาคประชาชน 45 เครือข่ายจากทั่วประเทศได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอ 6 ด้านสำคัญต่อร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การตอบรับเชิงบวกจากภาครัฐ โดยเฉพาะการประกาศจัดตั้งคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายฯ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าเสียงของประชาชนจะถูกนำไปพิจารณาและนำไปสู่การปฏิบัติจริงในอนาคต การทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้าง “นครแห่งความสุข” ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง และเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาประเทศที่เน้นการมีส่วนร่วมจากฐานรากอย่างแท้จริง

