Image default
ข่าวเศรษฐกิจ

เปิดคำแถลงนโยบายเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้พร้อมแก้หนี้ให้คนละแสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว. มหาดไทย ได้ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ก.ย.68 เพื่อพิจารณาและเห็นชอบร่างนโยบายรัฐบาลเพื่อแถลงต่อรัฐสภา เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารประเทศ โดยจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาใน วันที่ 29-30 ก.ย.นี้ และภายหลังการแถลงนโยบายเสร็จสิ้นจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 30 ก.ย.ทันที โดยรัฐบาลจะอาศัยจังหวะที่เป็นวันสุดท้ายของปีงบประมาณ 2568 อนุมัติใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลชุดเดิมยังไม่ได้อนุมัติอีกราว 24,000 ล้านบาท

สร้างรายได้ ลดรายจ่าย

สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ ประกอบด้วย 5 หัวข้อ ได้แก่ 1.สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทำโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมควบคู่กับการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่นให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) และการเพิ่มทักษะ (Upskill) เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้มากขึ้น และส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าภาคครัวเรือนและกิจกรรมทางการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนและเพิ่มพลังงานสีเขียวตามความต้องการของทุกภาคส่วน

แก้ปัญหาหนี้สินเพิ่มสภาพคล่อง

2.แก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรมระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ โดย 2.1หนี้ภาคประชาชน ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบ รายละไม่เกินหนึ่งแสนบาท เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทำให้คนไทยติดกับดักหนี้ 2.2 เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รายละไม่เกินหนึ่งล้านบาท ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระหนี้โดยสม่ำเสมอ การให้ความรู้ทางการเงิน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่

เพิ่มโอกาสการออมของรายย่อย 

3. เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย ให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม โดยกันเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้

ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

4.ฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว การปราบปรามการฉ้อโกงและการหลอกลวงนักท่องเที่ยว การจัดทำมาตรการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวไทยหันกลับมาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเมืองรอง การจูงใจให้ภาคเอกชนปรับปรุงโรงแรมที่พักและแหล่งท่องเที่ยวผ่านกลไกภาษี การดึงดูดชาวต่างชาติให้พำนักในประเทศไทยระยะยาวและเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น

เร่งแก้ปัญหาสงครามการค้า

5.เร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า โดย 5.1 จัดตั้งทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าไทย เพื่อยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม และดำเนินการเชิงรุกในการเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ และลาตินอเมริกา รวมทั้งผลักดัน ให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development) เพื่อดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ

5.2 ดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา การสกัดปัญหาการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า และป้องกันการทุ่มตลาด ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเจรจารายละเอียดรายสินค้าที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมการรองรับมาตรการด้านการค้าของสหรัฐอเมริกา อาทิ การจัดทำมาตรการในการส่งเสริมการใช้สินค้าอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก การกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมของสินค้ากลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการมิให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5

5.3 สร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคต โดยปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวก โปร่งใส และเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ ปรับระบบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์สมัยใหม่ อาหารแห่งอนาคต พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมชีวภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้นักลงทุนจากต่างประเทศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทของไทย และสร้างห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ จากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศ

Related posts

เอ็มจี4 ยังร้อนแรง ยึดผู้นำรถอีวี 4 เดือนติด ยอดจดทะเบียน 4,390 คัน

hkwin

นายกฯ “อนุทิน” เปิดตัวโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ขับเคลื่อน Big Quick Win ยกระดับระบบสุขภาพไทย ลดค

hkwin

“พิพัฒน์” จ่อเสนอ ครม.พิจารณาแนวทาง “รถไฟฟ้าแดง-ม่วง” เหมาจ่ายทั้งวัน 40 บ.

hkwin

Leave a Comment